รู้หรือไม่? ประชากรโลกกว่าร้อยละ32 กำลังประสบกับปัญหาฟันผุ หรือ ฟันเป็นรู ถึงแม้อาการฟันผุจะเป็นเพียงปัญหาเล็กๆน้อย แต่เราก็ควรแก้ไขให้เร็วที่สุด อาการฟันผุเป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ และมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่อยู่เสมอ
ฟันผุเกิดจากอะไร
สาเหตุของฟันผุเกิดจากการอาหารที่เลือกรับประทานอาหาร และการทำความสะอาดฟันที่ไม่สะอาดเพียงพอ การที่มีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟันเป็นระยะเวลานาน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่กิน จึงทำให้เชื้อแบคทีเรีย เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ (Streptococcus mutans) จะเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดและสลายแร่ธาตุซึ่งเป็นโครงสร้างของฟันจนทำให้ฟันผุไปทีละน้อยจากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน จนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือฟันอักเสบเป็นหนองได้
อาการฟันผุระยะแรกมักจะไม่สามารถรู้ได้เพราะไม่มีอาการที่เห็นได้ชัดเจน แต่ในระยะเวลาต่อมาไม่นานจะเริ่มมีอาการที่บอกว่าคุณอาจจะเจอกับโรคฟันผุเข้าแล้ว ดังนี้ ปวดฟัน, ฟันเป็นรู, เลือดออกเวลาแปรงฟัน, สังเกตเห็นจุดสีดำ ๆ หรือฟันเปลี่ยนสีไปจากเดิม ข้อสังเกตเหล่านี้เป็นเพียงอาการเบื้องต้นเท่านั้น ทางที่ดีการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้ประเมินสุขภาพปากเป็นประจำคือสิ่งที่ดีที่สุด
หากเรามีอาการที่บงชี้ว่าเราอาจมีฟันผุได้นั้น ก็อย่าละเลยนะคะ ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาฟันผุอย่างละเอียด บางกรณีสามารถตรวจเจอฟันผุได้จากการมองเห็นจากกระจกส่องปาก และในบางรายอาจต้องใช้วิธีการถ่ายภาพรังสีเอกซ์ (X-RAY) ร่วมด้วย เพื่อให้สามารถตรวจพบฟันผุในตำแหน่งที่ตามองไม่เห็น เช่น ตามซอกฟันหรือใต้ขอบวัสดุอุดฟันเดิม และยังบอกได้ถึงการลุกลามได้ด้วย
วิธีรักษาฟันผุ
ทันตแพทย์จะทำการรักษาโรคฟันผุแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน ดังนั้นการรักษาโรคฟันผุ จะมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งการรักษาตามระดับ ดังนี้
- ทำการอุดฟัน: กรณีเห็นฟันผุเป็นรูชัดเจน ฟันถูกทำลายถึงส่วนเนื้อฟันเท่านั้น ทันตแพทย์จะทำการอุดฟัน เลือกใช้วัสดุได้ 2 ชนิดคือ อุดฟันด้วยวัสดุที่เป็นโลหะหรืออุดฟันด้วยวัสดุที่สีเหมือนฟัน
- ทำการรักษารากฟัน: กรณีที่ฟันผุหนักจนลุกลามไปถึงโพรงประสาทแล้ว วิธีเดียวที่จะสามารถรักษาฟันธรรมชาติไว้ได้คือการรักษารากฟัน แต่จะใช้เวลาหรือมีความยุ่งยากมากกว่าการอุดฟัน
- ทำการถอนฟัน: กรณีฟันผุจนอักเสบลุกลามไปมาก ไม่สามารถเยียวยาไว้ได้ ไม่เหลือเนื้อฟันดีที่จะสามารถรักษาฟันซี่นั้น ไว้ได้ต่อไปได้อีก
ป้องกันดูแลฟันผุ
- ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
- ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพื่อทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน และส่วนที่ขนแปรงเข้าไม่ถึง
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต น้ำตาลและอาหารที่มีรสหวาน
- ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมในการยับยั้งแบคทีเรียเป็นประจำ
- พบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
ฟันผุจัดฟันได้ไหม?
อีกหนึ่งคำถามที่พบเป็นประจำก็คือหากอยากจัดฟันแต่มีฟันผุอยู่จะจัดฟันได้หรือไม่ คำตอบก็คือได้ค่ะ แต่ต้องทำการรักษาฟันผุก่อน โดยปกติแล้วก่อนการจัดฟัน และใส่เครื่องมือต่างๆ ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปากก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการขูดหินปูนเพื่อทำความสะอาด และการรักษาฟันผุหากพบว่าฟันกำลังมีปัญหา
ถ้าฟันผุตอนจัดฟันต้องทำอย่างไร?
เมื่อทันตแพทย์ประเมินอาการแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่รักษาได้ จะมีขั้นตอน ดังนี้
- ถอดลวดและยางจัดฟันด้านบนหรือล่างที่อยู่ในแนวเดียวกับฟันผุทันที
- กรอหรือขูดฟันบริเวณที่ผุออกและทำความสะอาดฟันซี่นั้นๆ
- นำวัสดุสีเดียวกับฟันอุดบริเวณที่ผุ และทากาวยึดวัสดุอุดฟัน
- ฉายแสงเพื่อให้วัสดุแข็งตัว และขัดแต่งให้วัสดุเรียบไปกับผิวฟัน
- ใส่ลวดและยางจัดฟันกลับเข้าไปเหมือนเดิม
แต่ถ้าหากเพื่อนๆจัดฟันใสละก็สามารถแก้ไขได้เลย เพราะอุปกรณ์สามารถถอดออกได้เลย มากไปกว่านั้นการจัดฟันใสก็สามารถลดความเสี่ยงจากฟันผุได้ด้วยเพราะอย่างที่กล่าวไปว่าอุปกรณ์สามารถถอดออกได้ตลอดรวมไปถึงขณะทานอาหารและแปรงฟัน ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการสะสมของเศษอาหารในช่องปากได้
อย่างไรก็ดีการรักษาสุขภาพช่องปากที่ดีก็สำคัญกว่าการป้องกันฟันผุ โดยเฉพาะคนที่จัดฟันอาจจะต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดช่องปากมากกว่าปกติ และใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดตามซอกเหล็กซอกฟัน เช่น ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปาก เป็นต้น เพราะฉะนั้นเพียงแค่ดูแลช่องปากให้ดีก็สามารถป้องกันฟันผุได้แล้ว