อยากจัดฟันต้องเตรียมตัวอย่างไร จะจัดฟันแบบไหนดี เรารวมประเด็นที่ทำให้คุณเข้าใจการจัดฟัน ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนจัดฟัน การดูเเลฟันให้ถูกวิธีขณะจัดฟัน และค่าใช้จ่ายต่างๆมาให้แล้วที่นี่ ใครที่อยากจัดฟันละก็ห้ามพลาดสาระดีดีที่เราเอามาฝากไว้ เพื่อให้เพื่อนๆเตรียมตัวจัดฟันได้อย่างถูกต้อง
ก่อนอื่นทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการจัดฟันนั้นคือการทำให้ฟันของเราเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม สบกันพอดีเมื่อเรายิ้มหรือทานอาหาร การจัดฟันมีทั้งหมด 5 ประเภท คือ
1. จัดฟันแบบโลหะ (Metal braces)
คือการใช้ยางสีๆมัดลวดเข้ากับเครื่องมือจัดฟัน เป็นแบบที่นิยมมากที่สุดเหมาะสำหรับเด็กและคนที่อายุไม่มากนักเนื่องจากสียางจะมีสีสันสดใสเห็นได้ชัดเจน
2. จัดฟันแบบสีเหมือนฟัน (Ceramic braces)
ทำจากเซรามิกให้ความเหมือนฟันมากที่สุดใช้กับยางสีใส เหมาะกับผู้ที่จัดฟันและไม่อยากให้เป็นที่สังเกต แต่การจัดฟันแบบเซรามิกจะมีราคาสูง
3. จัดฟันแบบ Damon (Self ligating System)
ไม่ได้ใช้ยางในการยึดลวดการ แต่ใช้เครื่องมือจัดฟันที่มีกลไกคล้ายบานพับในการล็อคลวด ทำให้การจัดฟันเร็วขึ้น เหมาะกับคนไข้ที่อยากได้ผลลัพท์เร็ว
4. จัดฟันแบบใส (clear aligner )
เครื่องมือเป็นพลาสติกใส ใช้นวัตกรรมใหม่ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 3มิติ ต้องต้องส่งต้องชิ้นงานไปที่เเล็ปในอเมริกา เพื่อให้ได้ชุดเครื่องมือมา และต้องเปลี่ยนเครื่องมือทุกๆ 10 วัน เหมาะกับผู้ที่จัดฟันและไม่อยากให้เป็นที่สังเกตและไม่มีเวลาพบแพทย์บ่อย
5. จัดฟันด้านใน (Lingual braces)
เป็นการจัดฟันที่เอาเครื่องมือติดที่ด้านในของฟัน ทำให้ไม่สังเกตเห็นเครื่องมือจัดฟัน ในปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะมีข้อเสีย คือ เวลาติดอุปกรณ์จัดฟันจะใช้เวลานานมากกว่าการจัดฟันแบบอื่น
เรื่องต้องรู้ถ้าอยากจัดฟัน
ก่อนจัดฟัน
เลือกคลินิกและประเภทการจัดฟัน
นอกจากต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานมีการรองรับอย่างถูกต้องแล้ว เพื่อนๆอาจจะอ่านรีวิวของคนที่จัดฟันอยู่หรือเคยจัดฟันว่าคลินิกที่รับการรักษาอยู่เป็นอย่างไรบ้าง ทันตแพทย์จบเฉพาะทางด้านจัดฟันมาหรือไม่ มีความเชี่ยวชาญมากพอในการให้คำแนะนำในประเภทการจัดฟันที่เพื่อนๆต้องการหรือไม่
เตรียมค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันโดยรวมอาจจะสูงมากกว่าราคาที่ทางคลินิกแจ้งไว้ในตอนแรกได้ เนื่องจากจะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการเคลียร์ช่องปากด้วย ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสุขภาพช่องปากและฟันของแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีค่าพิมพ์ฟัน ค่ารีเทนเนอร์ อีกก็เป็นได้
เตรียมตัวก่อนจัดฟัน
ขั้นตอนที่ 1 เข้าพบทันตแพทย์
เพื่อทำการวินิจฉัยปัญหาและผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นหลังการรักษา ทันตแพทย์อาจทำการตรวจโครงสร้างใบหน้าและกระดูกขากรรไกรเพิ่มเติม รวมไปถึงทำการ x- ray และถ่ายรูป เพื่อประกอบการวางแผนการรักษา หากเลือกจัดฟันแบบใส ก็จะได้รับวิดีโอแผนการรักษา 3 มิติ (Smile Plan) ก่อนการจัดฟันใสจริงเพิ่มด้วยค่ะ ทำให้ได้เห็นว่าฟันจะเคลื่อนที่อย่างไร เมื่อจัดฟันเสร็จจะได้รอยยิ้มแบบไหน
ขั้นตอนที่ 2 เคลียร์ช่องปาก ก่อนจัดฟัน
เนื่องจากสภาพฟันและช่องปากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีฟันคุด บางคนมีฟันผุ บางคนมีหินปูน ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้มักมีผลต่อการจัดฟันโดยตรง เช่น หากเพื่อนๆเริ่มวางแผนจัดฟันแล้ว แต่ไม่นานพบว่ามีฟันผุและอาจจะต้องถอนฟันซี่นั้น นั้นก็จะทำให้แผนการจัดฟันที่วางไว้ใช้ไม่ได้อีก ต้องเสียทั้งเงินและเวลาในการเริ่มต้นวางแผนใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นที่ทุกคนจะต้องทำการตรวจฟันตรวจหาปัญหาในช่องปากและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้เรียบร้อยก่อนจัดฟัน
ขั้นตอนที่ 3 ติดหรือรับอุปกรณ์
กรณีจัดฟันแบบลวดเหล็กทั่วไป ทันตแพทย์จะเริ่มใส่เครื่องมือจัดฟันให้ ในเดือนแรกจะยังไม่เริ่มดึงเครื่องมือเพื่อให้ฟันเคลื่อนที่มากนัก และต้องกลับมาปรับเครื่องมือทุกๆ 1 เดือน กรณีจัดฟันแบบใส ก็จะได้รับชุดเครื่องมือพลาสติกใสกลับมาครบชุดเลย ซึ่งทันตแพทย์จะสอนใส่ให้ในครั้งแรก หลังจากนั้นเราก็สามารถถอกเปลี่ยนชุดเครื่องมือได้เองตามเวลาที่กำหนด โดยอาจจะไม่ต้องมาพบแพทย์ในทุกๆเดือน
ขณะจัดฟัน
ชีวิตประจำวันอาจเปลี่ยนไป
ชีวิตหลังจากจัดฟันของทุกคนจะเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ที่แน่ๆเลย คือการรับประทานอาหาร จะยากลำบากมากขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่จัดฟันแบบลวดเหล็ก เพราะกินอะไรก็ติดเหล็ก แปรงฟันยากขึ้น ต้องดูแลมากขึ้น
อาการเจ็บหรือปวดฟัน
อาการปวดฟัน เป็นสิ่งที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้โดยทั่วไปจะมีอาการปวดจนทำให้ทานอาหารไม่ได้อยู่ประมาณ 3-7 วันหลังจากปรับลวดแต่ละครั้ง แต่ก็ไม่ได้ปวดขนาดที่ว่าทนไม่ได้นะคะ เป็นเพียงอาการปวดรำคาญเท่านั้น ดังนั้นเพื่อนๆอาจจะต้องเลือกทานอาหารอ่อนๆ ไม่ควรทานอาหารที่มีลักษณะแข็งเกินไป
หลังจัดฟัน
ต้องใส่รีเทนเนอร์
หลังถอดอุปกรณ์จัดฟัน หรือไม่ต้องใช้อุปกรณ์จัดฟันแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอไปตลอด เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งอาจจะเลือกใส่แค่เฉพาะตอนนอนได้ รีเทนเนอร์จะช่วยคงสภาพฟันเอาไว้จนกว่ารากฟันจะยึดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์
ใครอยากจัดฟันก็คงจะรู้แล้วว่าต้องเตรียมตัวอะไรตรงไหนบ้าง นอกจากนี้เพื่อนๆยังต้องถามตัวเองอีกครั้งด้วยว่าพร้อมจัดฟันแล้วจริงๆหรือไม่ เพราะถ้าเริ่มเมื่อไม่พร้อม แทนที่จะได้รอยยิ้มที่สวยงามอาจจะได้เจอกับความยุ่งยากระหว่างทางแทน สุดท้ายสำหรับใครที่พร้อมแล้วก็สามารถเตรียมตัวจัดฟันกับเซนยุมได้เลย
เริ่มต้นง่ายๆ เพียงแค่ส่งรูปเพื่อทำการประเมินฟันและปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้ก่อน คลิกปุ่ม ประเมินฟันฟรี ได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายในขั้นตอนนี้ด้วยนะคะ