ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็คือการใส่เครื่องมือคงสภาพฟันหรือ “รีเทนเนอร์ (Retainer)” นั้นเอง แต่บางคนอาจเจอกับปัญหาการใส่รีเทนเนอร์แล้วเจ็บเหงือก หรือใส่รีเทนเนอร์แล้วไม่พอดี รีเทนเนอร์แตกหรือหัก ฯลฯ ปัญหาต่างๆนั้นเกิดจากอะไร และต้องระวังแก้ไขอย่างไรนั้นเราเอามาฝากกันในบทความแล้วค่ะ
รีเทนเนอร์จำเป็นต้องใส่ครอบฟันบนและฟันล่าง เพื่อป้องกันฟันเคลื่อนไปจากตำแหน่งหลังจากที่จัดฟันเสร็จเพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนผิดรูป ผู้ที่ถอดเครื่องมือจัดฟันออกแล้วจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของทันตแพทย์หากไม่ปฏิบัติตามก็มีโอกาสฟันล้ม ฟันเก หรือฟันห่างได้ซึ่งเท่ากับว่าการจัดฟันที่ผ่านมานั้นสูญเปล่า เจ็บตัวฟรี เสียเงินฟรี และต้องกลับไปจัดฟันใหม่อีกรอบนั่นเอง รีเทนเนอร์มีด้วยกัน 2 แบบ นั่นคือแบบพลาสติกใส และ แบบลวดโลหะ โดยทั้งสองแบบนี้จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป
รีเทนเนอร์แบบพลาสติกใส
รีเทนเนอร์แบบใสทำจากพลาสติกใสมีลักษณะเป็นแผง ใช้งานโดยการครอบฟันทั้งหมดดังนั้นรีเทนเนอร์แบบนี้จะมีขนาดและรูปร่างขึ้นรูปมาให้พอดีกับฟันของคนแต่ละคน รีเทนเนอร์แบบใสมักมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 1–2 ปี เหมาะกับคนที่ชอบความสวยงาม และสร้างความมั่นใจเวลายิ้ม พูด กับคนอื่น
รีเทนเนอร์แบบลวดโลหะ
รีเทนเนอร์แบบลวด จะมีฐานที่ทำมาจากอะครีลิกซึ่งจะออกแบบมาให้พอดีขนาดพอดีกับเพดานปาก บริเวณด้านหน้าจะมีลักษณะเป็นลวดโลหะสำหรับครอบซี่ฟัน รีเทนเนอร์แบบลวดโลหะมักมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5 ปีขึ้นไป เหมาะกับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนรีเทนเนอร์บ่อยๆ แต่ก็มีข้อควรระวังในส่วนของลวดโลหะนั้นอาจทำให้ระคายเคืองเหงือกและกระพุ้งแก้มได้มากกว่ารีเทนเนอร์แบบใส
ข้อควรระวังการใส่และถอดรีเทนเนอร์
1. ไม่ควรใช้ลิ้นดันรีเทนเนอร์ขณะที่สวมใส่รีเทนเนอร์อยู่ การใช้ลิ้นดันรีเทนเนอร์อาจทำให้รีเทนเนอร์หลวมและหลุดออกมาได้ หากต้องการถอดรีเทนเนอร์ออกให้ค่อยๆ ใช้นิ้วดึงออกอย่างระมัดระวัง ไม่ใช้แรงมากกเกินไปเพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์หักหรือเกิดการเสียหายได้
2. หากถอดรีเทนเนอร์ออกไม่ว่าจะเพื่อรับประทานอาหารหรือแปรงฟันก็ตาม ควรจะถอดใสกล่องเก็บรีเทนเนอร์ทันที ไม่ควรใช้กระดาษทิชชู่หรือพลาสติกมาห่อไว้ เพราะจะเสี่ยงต่อการสูญหาย และถ้าหากเราไม่เก็บเทนเนอร์ใส่กล่อง แต่ใส่ในกระเป๋าแทนก็ไม่ควรทพเช่นกัน เพราะจะทำให้รีเทนเนอร์เกิดความเสียหาย เช่น หัก งอ หรือบิ่น ได้
3. หากทำรีเทนเนอร์สูญหาย จำเป็นต้องแจ้งให้ทันตแพทย์ทันที เพราะเราจำเป็นต้องได้รับการทำรีเทนเนอร์อันใหม่ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ารีเทนเนอร์นั้นช่วยป้องกันฟันไม่ให้เคลื่อนไปจากตำแหน่งที่จัดฟันไว้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำอันใหม่โดยเร็วเพื่อป้องกันฟันเคลื่อนตัวและฟันล้ม
4. หมั่นทำความสะอาดรีเทนเนอร์เพื่อป้องกันคราบติดแน่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก และปัญหาสุขภาพฟันอื่น ๆ สามารถทำความสะอาดรีเทนเนอร์ได้โดยการล้างด้วยสบู่ และใช้แปรงขนนุ่มแปรงเบาๆ เพื่อขจัดคราบต่างๆ จากนั้นล้างน้ำเปล่าและเช็ดให้แห้ง
ปัญหาที่พบบ่อยจากการใส่รีเทนเนอร์
ใส่รีเทนเนอร์แล้วเจ็บเหงือก
การที่เราใส่รีเทนเนอร์แล้วมีอาการเจ็บหรือปวดที่ฟัน เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากการที่รีเทนเนอร์ที่นั้นไปกดที่บริเวณฟันของเรา แต่อาการเจ็บนี้มักจะหายได้เองในเวลาไม่กี่วัน แต่หากใส่รีเทนเนอร์แล้วเจ็บเหงือกหรือว่าเพดานปาก แสดงว่ารีเทนเนอร์นั้นแนบหรือส่งแรงกดมากเกิน ควรพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขรีเทนเนอร์ที่คุณใส่อยู่พร้อมทั้งตรวจปัญหาช่องปากอื่นๆร่วมด้วย
นอกจากนี้หากใส่รีเทนเนอร์แล้วเจ็บเหงือกมีอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ หรือเป็นหนองร่วมด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าตามมาก็เป็นได้
ใส่รีเทนเนอร์แล้วมีปัญหาเลือดออกขณะแปรงฟันหรือขณะใช้ไหมขัดฟัน
การใส่รีเทนเนอร์อาจทำให้เหงือกของมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น บางครั้งเศษอาหารก็อาจไปติดด้านในหรือรอบๆ รีเทนเนอร์ได้ ถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดีอาจทำให้มีการสะสมของคราบพลัค ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาเลือดออกขณะแปรงฟันได้
เมื่อไรที่จะต้องทำรีเทนเนอร์ใหม่
- เมื่อรีเทนเนอร์ไม่พอดีกับรูปฟันของเรา
- เมื่อรีเทนเนอร์เกิดการสูญหายหรือเสียหาย เช่น แตก หัก
- เมื่อเมื่อรีเทนเนอร์มีคราบปูนเกาะมากเกินไป
หลังจากกระบวนการจัดฟันเสร็จสิ้น เพื่อให้ฟันที่เรียงสวยอยู่กับเราตลอดไป จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่รีเทนเนอร์ แต่การใส่รีเทนเนอร์นั้นอาจมีปัญหาอื่นๆตามมาได้ เช่น รีเทนเนอร์แตก ใส่รีเทนเนอร์แล้วเจ็บเหงือก และอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไรก็ตามเราควรที่จะปรึกษาทันตแพทย์ทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่อาจเกิดจากรีเทนเนอร์ได้