ทำอย่างไรไม่ให้ฟันผุ คำถามที่ใครๆก็คงจะตอบว่าก็ต้องแปรงฟันให้สะอาด แต่เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าวิธีการดูแลรักษาฟันไม่ให้ฟันผุหรือให้ไม่มีกลิ่นปากนั้น แค่การแปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่พอ วันนี้เราจึงเอาเคล็ดลับทำให้ฟันแข็งแรงอยู่เราได้นานๆมาฝากกันค่ะ
ก่อนที่เราจะแชร์เคล็ดลับต่างๆนั้น เราลองมาดูกันก่อนว่าหากเราไม่ดูแลรักษาฟันให้แข็งแรงและสะอาดอยู่เสมอละก็จะทำให้เกิดปัญหาอะไรตามมา หากเราไม่ดูแลฟันและช่องปากให้สะอาด และเกิดมีเศษอาหารหรือเชื้อแบคทีเรียสะสมละก็อาจนำมาซึ่งปัญหากลิ่นปาก ฟันผุ เหงือกอักเสบ ฟันเหลือง ฟันแตก ฟันบิ่น หรือสูญเสียฟันไปถาวรเลยก็เป็นได้ อาการเหล่านี้มักจะส่งผลทำให้ขาดความมั่นใจในตนเองและอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานและชีวิตประจำวันก็เป็นได้
ดังนั้นหากใครก็ตามที่มีอาการดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาเพราะอาการบางชนิดนอกจากจะไม่สามารถหายเองได้แล้วยังอาจส่งผลเสียที่มากขึ้นในระยะยาวอีกด้วย
เมื่อเห็นแล้วว่าการแก้ไขปัญหาภายหลังไม่เพียงแต่ทำให้เสียเงิน เสียเวลาแล้วยังทำให้เราเจ็บตัว และอาจสูญเสียความมั่นใจไปตลอดได้ด้วย จะดีกว่ามั้ยหากเพื่อนๆสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการฟันผุได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ดังนี้
7 เคล็ดลับทำให้ฟันแข็งแรงอยู่เราได้นาน
1.แปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
เชื่อว่าทุกคนต้องแปรงฟันกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่คุณภาพในการแปรงฟันของแต่ละคนนั้นอาจแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ดีการแปรงฟันที่ได้คุณภาพต้องคำนึงถึง 3 องค์ประกอบหลักๆด้วยกัน
- วิธีการแปรงฟัน
ควรแปรงฟันให้นานตั้งแต่ 2 นาทีขึ้นไป และแปรงให้ทั่วถึงทั้งด้านในและด้านนอก นอกจากแปรงฟันแล้ว ลิ้นเองก็เป็นอีกอย่างที่เราต้องใส่ใจความสะอาดเช่นกัน เนื่องจากลิ้นถือเป็นอวัยวะที่มีการสะสมแบคทีเรียมากเช่นกัน
- การเลือกแปรงสีฟัน
เลือกขนแปรงสีฟันที่ไม่แข็งจนเกินไป ด้ามจับมีขนาดและลักษณะพอดีมือ หรืออาจจะเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าเป็นตัวช่วยก็ดีไม่แพ้กัน เนื่องจากแปรงสีฟันไฟฟ้าจะมีคุณสมบัติในการช่วยจับเวลา กำหนดแรงสั่นได้ เป็นต้น
- การเลือกยาสีฟัน
ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ซึ่งเป็นสารต้านแบคทีเรียที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ให้ประโยชน์ในการต่อต้านการผุและความไวในการทำความสะอาดฟัน
2.ใช้ไหมขัดฟัน
บางคนอาจจะคิดว่าเมื่อแปรงฟันแล้วอาจไม่จำเป็นต้องใช้ไหมขัดฟันอีก แต่จริงๆนั้นเป็นความคิดที่ไม่ถูกนั้น การใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกต้องสามารถช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหารที่อยู่บริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงได้ เช่น ตามซอกฟันและร่องเหงือก ไหมขัดฟันที่ดีควรทำมาจากวัสดุไนล่อน หรือ PTFE (โมโนฟิลาเมนท์)
3.ไม่ควรกินอาหารหลังแปรงฟันทันที
หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้วควรจะรอประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะเริ่มทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพื่อให้ส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่อยู่ในยาสีฟัน ไม่ถูกชะล้างออกไปจากการดื่มน้ำหรือกินอาหาร
4. ลดอาหารที่มีรสชาติหวาน
อาหารที่มีรสหวานมักมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ในตัวของน้ำตาลเองนั้นเป็นอาหารสำคัญของแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ เมื่อแบคทีเรียเหล่านี้เจอน้ำตาล แบคทีเรียจะสร้างสารเหนียวมาเกาะติดกับฟันเสมือนแผ่นฟิล์มปกคลุมฟัน จนทำให้ฟันผุเป็นโพรง แล้วแบคทีเรียบนคราบพลักก็จะกลายเป็นหินปูนในเวลาถัดมา
5. ไม่กัดหรือแทะอาหารหรือของที่มีสภาพแข็ง
การใช้ฟันกัดแทะของแข็งนั้นจะทำให้เกิดการกัดกร่อนของฟันเร็วยิ่งขึ้น เพราะการที่ของแข็งกระทบกับฟันจะทำให้สารเคลือบฟันเกิดของเรานั้นเกิดการเสียหาย และอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันตามมาได้ด้วย
6.ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน
ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันมีขายอยู่จำนวนมากทั้งที่ได้รับมาตรฐานอ.ย. และที่ยังไม่ได้รับอ.ย. ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับอ.ย. นั้นอาจส่งผลให้เกิดอาการฟันผุกร่อนจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ อย่างไรก็ดีควรให้ทันตแพทย์ทำการฟอกฟันให้ก็จะดีที่สุด
7.พบทันตแพทย์เป็นประจำ
เพื่อป้องกันโรคภายในช่องปากที่เราไม่ทันระวังตัว หรือบางครั้งโรคต่างๆอาจจะมาเยือนทั้งๆที่เราไม่มีอาการอะไรเลยก็เป็นได้ ดังนั้นการพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือนก็จะเป็นตัวช่วยที่ดี ในการตรวจเช็คความผิดปกติของช่องปากและฟัน นอกจากนี้ทันตแพทย์ยังสามารถช่วยทำความสะอาดฟันได้อย่างหมดจดอีกด้วย
เพียงเท่านี้เราก็สามารถดูแลรักษาฟันอย่างไรให้แข็งแรงได้แล้ว อย่าปล่อยให้ปัญหาช่องปาก มาทำลายความมั่นใจเพราะเราสามารถดูแลช่องปากของเราได้ตามวิธีที่แนะนำข้างต้นนี้ได้ทั้งหมด รับรองเลยว่าเพื่อนๆจะมีฟันและรอยยิ้มที่สวยงามอย่างแน่นอนค่ะ